Phang Nga Cover

{แจกแพลน} เที่ยวพังงา 3 วัน 2 คืน ด้วยตัวเอง

จังหวัดที่เรียกว่ามีครบทุกองค์ประกอบของการท่องเที่ยวทั้งทะเล หาดทราย ภูเขา และน้ำตก การเดินทางก็ขับแค่ 1 ชั่วโมงจากสนามบินภูเก็ตเท่านั้น วันนี้เราจะมาเที่ยว “พังงา” กัน

อยากไปแบบนี้ x พังงา

Phang Nga Cover

Day 1

สนามบินภูเก็ต > ท่าเทียบเรือบ้านคลองเคียน > ล่องเรืออ่าวพังงา {เขาตาปู เขาพิงกัน ถ้ำแก้ว เกาะปันหยี}

> ชมวิวเสม็ดนางชี > บริษา เขาหลัก รีสอร์ท

วันนี้เราออกไฟลท์เช้าครับ โดยขึ้นเครื่องจากดอนเมืองมาลงที่สนามบินภูเก็ต ออกจากสนามบินประมาณ 8.30 แลนด์ดิ้งประมาณ 10.00 น. ครับ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ไฟลท์เช้าเป็นอะไรที่เหมาะสำหรับคนที่เน้นลุยๆ มาถึงแล้วเที่ยวเลย  อย่างแพลนของผมคือเน้นแลนด์ถึงแล้วขับเที่ยวเลยครับ

Donmueng airport
Phang Nga Trip

หลังจากแลนด์ก็มารับรถที่เช่าเอาไว้ โดยเช่ามาในราคาวันละ 900 บาท และมีค่ามัดจำรถต่างหากอีก 2000 บาท ซึ่งหากเรานำรถมาคืนตรงเวลาและสภาพไม่เสียหายอะไร ก็จะได้มัดจำนี้คืนครับ ส่วนรถเช่าเราก็หาตามเฟสบุ๊คเอาครับ เคล็ดลับการหาคือต้องดูด้วยว่าเพจสร้างมานานหรือยัง อย่างต่ำควรจะอยู่ที่ 2-3 ปีสำหรับเพจเช่ารถ จะได้ไม่เสียมัดจำฟรี เพราะช่วงนี้มิจฉาชีพเยอะมากๆครับ

จากสนามบินภูเก็ตขับไปยังท่าเทียบเรือบ้านคลองเคียน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ถนนระหว่างภูเก็ตขับไปพังงาก็เรียกได้ว่าค่อนข้างดี ไม่มีหลุมมีบ่อ วันนี้เราค่อนข้างเร่งทำเวลาสักเล็กน้อย มื้อเช้าเลยทำได้แค่ทานอาหารจากร้านสะดวกซื้อครับ

ระหว่างทางจากภูเก็ตมุ่งสู่พังงามีอีก 1 แลนด์มาร์กที่ควรต้องแวะมาถ่ายรูป นั่นก็คือ “สะพานสารสิน”

1. สะพานสารสิน

สะพานสารสิน เป็นสะพานแรกที่สร้างจากเกาะภูเก็ตข้ามไปจังหวัดพังงา เปิดใช้สัญจรครั้งแรกตั้งแต่ปี 2510 ชื่อสะพานตั้งเพื่อให้เกียรติแก่คุณพจน์ สารสิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาแห่งชาติในขณะนั้น

สะพานสารสิน

สะพานสารสินในปัจจุบันได้ถูกปรับเป็นสะพานลอยสำหรับเดินข้ามและจุดนั่งชมวิวทิวทัศน์ เนื่องจากชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา บวกกับมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก มีสะพานใหม่มาสร้างอยู่ด้านข้างเพื่อใช้ในการสัญจร รถยนต์เป็นหลัก นั่นก็คือสะพานเทพกระษัตรี

สะพานสารสิน

2. ท่าเทียบเรือบ้านคลองเคียน

เรามาถึงท่าเทียบเรือบ้านคลองเคียน โดยได้จองแพ็คเกจล่องเรือชมอ่าวพังงากับฟารินดาทัวร์เอาไว้ ในราคา 3500 บาท  ราคานี้รวมอะไรบ้าง ? (รวมพาไปเขาตาปู-เขาพิงกัน, ถ้ำลอด, เกาะปันหยี และถ้ำแก้ว และไกด์ 1 ท่าน และน้ำดื่มตลอดการเดินทาง)  แต่ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นเช่นค่าเข้าอุทยานคนละ 60 บาท ค่าที่จอดรถบริเวณท่าเรือ 30 บาท และนอกจากนี้ใครที่อยากพายคายัคเพิ่ม ก็สามารถจ่ายเพิ่มคนละ 300 บาทครับ

 klongkien pier

โดยหลังจากชำระเงินแล้ว (เรามัดจำมาเพียงบางส่วน )เค้าก็จะพาเรานั่งรถพ่วงข้างแบบนี้เพื่อขับไปส่งบริเวณท่าเรือ

เรือเป็นเรือหางยาว ดูแน่นหนาปลอดภัย อ่าวพังงาไม่ได้เป็นน้ำลึกและกระแสน้ำก็ไม่แรง ล่องในอ่าวนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างปลอดภัยคลื่นสงบกว่าไปล่องเรือดำน้ำตามเกาะครับ

klongkien pier

3.ล่องเรือในอ่าวพังงา กับฟารินดาทัวร์

ระยะเวลาการล่องเรือของโปรแกรมนี้ ทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าครับ จุดแรกที่เราแวะนี้คือช่องเขา บริเวณถ้ำแก้วครับ ลักษณะก็เป็นเขาหินปูน 2 ลูก ตั้งอยู่คนละฝั่งกันและก็มีช่องเขาเล็กๆเป็นพื้นที่ว่างๆอยู่ตรงกลาง จุดนี้ถ่ายรูปสวย พี่ๆเค้าก็จะจอดเรือให้เราถ่ายรูปบริเวณนี้เป็นจุดแรกครับ

ช่องเขาถ้ำแก้ว 1

และในอ่าวพังงาก็เป็นที่ตั้งของเกาะหินปูนรูปร่างแปลกตามากมาย ระหว่างที่เราล่องไปก็จะเห็นเรือยอร์ชรวมถึงเรือนำเที่ยวต่างๆ อยู่หลายลำเลยครับ เป็นบรรยากาศการล่องเรือที่ดูคึกคักดีเหมือนกัน

4. พายคายัค ชมถ้ำลอด

กิจกรรมพายเรือลอดถ้ำ อันนี้จะมีค่าใช้จ่ายคนละ 300 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีครับ ใครที่พายไม่คล่องก็ไม่ต้องกลัว เพราะเค้ามีเจ้าหน้าที่อยู่บนเรือคอยพายให้เราด้วย ระหว่างที่พายไปก็จะพบซีนเนอรี่สวยๆอีกหนึ่งอย่างของอ่าวพังงาคือพวกป่าชายเลน ต้นโกงกางขนาดใหญ่ตลอดทาง

อ่าวพังงา

มีถ้ำลอดทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ อยู่ทั่วไปหมด พี่คนเรือเค้าก็จะนำเราไปและพาเราไปแวะตามจุดต่างๆเพื่อถ่ายรูป

ถ้ำน้ำลอด

5. เกาะปันหยี

ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีเราก็เดินทางมาถึงเกาะปันหยี เกาะนี้เป็นชุมชนกลางทะเลที่มีอยู่มานานแล้วครับ โดยครอบครัวแรกซึ่งเป็นชาวชวาได้อพยพมาอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 โดยคำว่าปันหยีนั้นแปลว่าธง เกิดจากหากเจอเกาะที่เหมาะสมก็ให้ปักธงเอาไว้นั่นเอง

panyi island 1

ใครที่ยังไม่ได้ทานมื้อกลางวันมา ก็สามารถมาทานที่เกาะปันหยีได้เลยครับ มีอาหารทะเลสดๆให้เลือกเยอะแยะมากมาย และก็การันตีว่าอร่อยจริงๆ ครั้งนี้เรามากันเพียง 2 คน ก็สั่งแค่ 2 อย่าง คือข้าวผัดทะเล และก็ปลากระพงซึ่งสามารถนำไปทำได้ 2 อย่าง คือทอดน้ำปลา และนึ่งซีอิ๊ว ปลากระพงทอดน้ำปลาทอดมาแบบกรอบมากๆ เนื้อปลาคือสดนุ่มเด้งดึ๋งอร่อยแบบตราตรึง ค่าใช้จ่ายมื้อนี้ก็ไม่ถึง 1 พันบาทครับ

เกาะปันหยี

หลังจากทานข้าวเสร็จพี่ไกด์เค้าก็จะพาเราเดินเที่ยวรอบๆเกาะปันหยี ใครที่อยากซื้อของฝาก บนเกาะก็จะมีพวกอาหารทะเลอบแห้ง มีน้ำพริกอร่อยๆจำหน่าย

เกาะปันหยี

บนเกาะมีโรงเรียนด้วย 1 แห่ง คือโรงเรียนเกาะปันหยี โดยเค้าก็ทำการเรียนการสอนกันกลางน้ำกันแบบในภาพนี้เลยครับ ส่วนตรงกลางโรงเรียนก็เป็นสนามเด็กเล่น พักเที่ยงก็จะมีเด็กๆออกมาวิ่งเล่นกัน

โรงเรียนเกาะปันหยี

สนามฟุตบอลลอยน้ำ อีกหนึ่งไฮไลท์สวยของเกาะปันหยี สร้างขึ้นมาจากความหลงไหลในกีฬาลูกหนังของลูกชาวเล เวลาเล่นบอลแล้วใครเตะฟุตบอลลงน้ำ ก็ต้องกระโดดลงไปเก็บฟุตบอลในน้ำขึ้นมา จุดนี้ไม่แวะมาถ่ายรูปด้วยคงไม่ได้

6. เขาตาปู

เรานั่งเรือมาต่อกันที่ไฮไลท์ที่ใครมาพังงา ก็ต้องมาสักครั้งนั่นก็คือ “เขาตาปู” หรือเขาตะปู หรือต่างชาติเรียกกันว่า James Bond Island เป็นแท่งหินขนาดใหญ่ ปักอยู่กลางทะเลในบริเวณปากอ่าวพังงา ซึ่งหากมองจากบนเกาะที่เรายืนอยู่นี้ ก็จะเห็นเป็นรูปทรงตะปูยักษ์ตอกลงไปในน้ำ 

7. เขาพิงกัน

เขาพิงกันตั้งอยู่ใกล้กับเขาตาปูครับ  เพราะจุดที่เราถ่ายรูปเห็นเขาตาปูที่ยืนมองออกไปก็คือเขาพิงกัน รูปร่างจะค่อนข้างแปลกตา ลักษณะเป็นภูเขา 2 ลูกแนบกันอยู่ เหมือนต่างคนต่างพิงกันอยู่จริงๆ ที่รูปร่างเป็นแบบนี้เพราะเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

เขาพิงกัน 2

8.ถ้ำแก้ว

จุดสุดท้ายของการล่องเรือที่อ่าวพังงาแล้วครับ ก่อนจะกลับเราแวะมาเที่ยวที่ถ้ำแก้ว โดยเป็นถ้ำที่อยู่ในพื้นที่ของเกาะลานา มีความสวยงามของหินงอกหินย้อย มีหินผลึกสะท้อนแสงสวยงาม ด้านในถ้ำเป็นที่อยู่อาศัยของพวกนกนางแอ่นด้วย

ถ้ำแก้ว พังงา

จบแล้วสำหรับการล่องเรือเที่ยวอ่าวพังงา กับระยะเวลา 3 ชั่วโมงกว่าๆครับ ทางพี่ไกด์เค้าก็จะกลับมาส่งเราที่ท่าเรือบ้านคลองเคียน ซึ่งเดี๋ยวเราจะมุ่งหน้าไปที่จุดชมวิวเสม็ดนางชีกันต่อครับ จากท่าเทียบเรือบ้านคลองเคียนมุ่งหน้าไปยังเสม็ดนางชี ระยะทางจัดว่าไม่ไกล เพราะตัวเสม็ดนางชีเองก็ตั้งอยู่ในอ่าวพังงานี้เช่นกัน เพียงแต่เราต้องขับขึ้นเขาไปสักหน่อย เพื่อที่จะมองลงมา โดยเราจะขับไปชมวิวสวยๆนี้กันที่เบย์วิว คาเฟ่ ครับ

9.ชมวิวเสม็ดนางชี

จากท่าเทียบเรือบ้านคลองเคียน ขับไปยังเบย์วิวคาเฟ่ (จุดชมวิวเสม็ดนางชี) ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นครับ โดยเมื่อมาถึงแล้ว หลังจากทำการจอดรถ ก็ให้เดินไปซื้อคูปองค่าขึ้นชมคนละ 50 บาทครับ โดยราคานี้ก็จะได้กลับมาเป็นส่วนลดอาหารและเครื่องดื่ม คนละ 30 บาทด้วยนะ

จุดชมวิวเสม็ดนางชี

หลังจากนั้นรอไม่เกิน 10 นาที เมื่อรถสองแถวมาปุ๊ป ทางเจ้าหน้าที่เค้าก็จะจัดคิวไปส่งเราด้านบนคาเฟ่ ซึ่งก็คือจุดเดียวกับที่เราจะนั่งชมวิวสวยๆนั่นเอง ระยะทางขับขึ้นมาก็ค่อนข้างชันพอสมควรทีเดียวครับ ยังไงเกาะแน่นๆและนั่งอย่างระมัดระวังนะครับ

บรรยากาศด้านบน เมื่อมองไปยังเสม็ดนางชีคือสวยมากๆ เรียกได้ว่าชวนหยุดหายใจกันได้เลย ในภาพเห็นอย่างไร ของจริงคูณไปอีก 10 ครับ แต่เสียดายเวลาที่เราขึ้นมานั้น คาเฟ่คือปิดพอดีเลย จึงทำได้แค่นั่งเงียบๆมองวิวสวยๆที่อยู่ด้านหน้า โดยคาเฟ่เค้าจะปิดบริการประมาณ 18:00 น. ครับ

10. เช็คอินที่พัก บริษา เขาหลัก รีสอร์ท (Briza Khaolak)

จากเบย์วิวคาเฟ่ ขับมาที่หาดเขาหลักค่อนข้างไกลพอสมควรครับ ระยะเวลาการขับรถคือ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางค่อนข้างมืดซึ่งก็เป็นปกติของต่างจังหวัดครับ โดยห้องที่เราจองเป็นห้องแบบ Beach Front เราเลือกจองตรงกับโรงแรมโดยได้มาในราคาคืนละ 3200 บาทครับ 

briza beach resort

ห้องก็ค่อนข้างกว้างพอสมควรเลย เตียงนอนนุ่มสบาย ภายในห้องน้ำมีอ่างน้ำไว้สำหรับแช่น้ำด้วยนะครับ

11. มื้อเย็นที่ร้านอิสานริมหาด

มาถึงก็ค่ำแล้ว จึงลองเสิชกูเกิ้ลแมพดูเห็นว่าด้านข้างของโรงแรมมีร้านอาหารพวกส้มตำ ไก่ย่างยังเปิดอยู่ จึงลองเดินลัดเลาะตามหน้าหาดไป ระยะทางเพียง 200 เมตรเท่านั้นครับ

มื้อเย็นเราสั่งมาแบบครบครันจัดเต็ม ทั้งข้าวผัด ไก่ย่าง คอหมูย่าง และส้มตำ ที่นี่รสชาติอาหารพอใช้ได้ครับ อาจจะไม่ได้อีสานจ๋า แต่ถ้าเทียบกับมาทะเลและยังหาร้านอาหารอีสานทาน ที่นี่จัดว่าเป็นตัวเลือกที่โอเคเลย แถมราคาก็ไม่แพงด้วยนะครับ

ชื่อ : อีสานริมหาด. พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Ba8DEVHJzmukcRqP7

Day 2

ท่าเรือทับละมุ > ดำน้ำเกาะสิมิลัน > หาดนางทอง 

ต้องบอกเลยว่าวันนี้ตื่นเต้นมากก เพราะเป็นการไปเที่ยวเกาะสิมิลันครั้งแรก แพลนของวันนี้คือการไปดำน้ำที่เกาะสิมิลันครับ แอบขอแทรกบรรยากาศหน้าห้องพักมาให้ชม เห็นทะเลสวยๆอยู่ด้านหน้าเลย

บรรยากาศยามเช้าหน้าที่พัก

โดยจากบริษา รีสอร์ทเขาหลัก ขับไปยังท่าเรือทับละมุใช้เวลาเดินทาง 10 นาที โดยต้องไปเช็คอินที่เรือก่อนเวลา 8.00 น. ครับ วันนี้เราเลยไปทานมื้อเช้าที่ท่าเรือทับละมุเลย เพราะทางเลิฟอันดามันเค้ามีอาหารเช้าให้เราด้วยนะ

เมื่อมาถึงก็ต้องไปเช็คอินเพื่อรับสายรัดข้อมือครับ โดยให้เรานำหลักฐานการโอนเงิน หรือแคปแชทที่เราจองไว้มาแสดงเป็นหลักฐานได้เลย ส่วนใครที่นำรถยนต์ส่วนตัวมาก็สามารถจอดได้โดยรอบ หรือจอดเลียบข้างทาง บริเวณหน้าศูนย์วิจัยอุทยานใต้ทะเล ก็ได้ครับ

ที่จอดรถของเลิฟอันดามัน

อันนี้เป็นบรรยากาศบริเวณโซนทานอาหาร หรือมื้อรองท้องก่อนไปขึ้นเรือครับ

อาหารเช้าเลิฟอันดามัน

เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่เค้าก็จะมาเรียกเราเพื่อไปยังเรือ บอกก่อนเลยว่าเกาะสิมิรันเป็นจุดหมายปลายทางที่ต่างชาติให้ความนิยมมากๆ ฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าทั้งเรือจะมีแต่ชาวต่างชาติครับ มีคนไทยแค่ 2 ครอบครัว

เดินไปขึ้นเรือ

การนั่งเรือเพื่อไปดำน้ำยังเกาะสิมิรัน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ระหว่างทางเค้าก็จะมีการอธิบาย ให้ความรู้เกี่ยวกับเกาะสิมิรันด้วย โดยสิมิรันเป็นภาษายาวี แปลว่า “9” ประกอบด้วยหมู่เกาะจำนวน 9 เกาะด้วยกัน เรียงตัวตามทิศเหนทอไปทิศใต้ แต่เราสามารถไปได้เพียง 4 เกาะเท่านั้น โดยมีบางเกาะที่สงวนไว้เฉพาะภาครัฐที่เข้าได้ เพราะสงวนพื้นที่ไว้สำหรับเพาะพันธุ์พวกเต่าทะเลและอนุรักษ์ปะการังครับ

เกาะแรกที่มาถึงเรียกว่าอ่าวเกือกหรืออ่าวหินเรือใบ หรือเกาะแปด  ความกว้างของอ่าวประมาณ 500 เมตร เมื่อมาถึงพบว่าน้ำทะเลเป็นสีฟ้าสะดุดตามากๆ สภาพชายหาดสวยงามสะอาดและน้ำทะเลใสมาก เกาะนี้เป็นเกาะที่เค้าจะให้เราลงและเดินเล่นถ่ายรูปได้ 

อ่าวเกือก

เดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นจุดแลนด์มาร์กที่คนต้องขึ้นไปถ่ายรูปกัน ลักษณะคล้ายกับหินเรือใบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเกาะสิมิลันครับ การเดินขึ้นมาต้องใช้ความระมัดระวังนะครับ เนื่องจากเค้าไม่ได้ทำเป็นทางขึ้นแบบขั้นบันไดไว้อย่างต่อเนื่อง บางช่วงอาจเป็นทราย บางช่วงอาจเป็นหิน ควรใส่รองเท้ารัดข้นที่สามารถยึดเกาะ หรือพวกรองเท้า trekking 

ด้านบนนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ช่วงที่มาตรงกับเดือนมกราคมหลังปีใหม่ครับ ก็จะฟีลแย่งกันถ่ายรูปนิดนึง ยังไงขึ้นมาก็ระวังกันด้วยครับ เพราะหินค่อนข้างลื่นพอสมควร แต่ด้านบนวิวสวยจริงๆ ในรูปสวยยังไง ของจริงสวยกว่านั้นมากๆ 

อ่าวเกือก หินเรือใบ

มาต่อกันที่ เกาะที่สอง เป็นเกาะหมายเลข 9 หรือเกาะบางู เป็นแหล่งปะการังที่สวยงามมาก โดยเค้าจะให้เราดำน้ำเกาะนี้เป็นเกาะแรกหากใครที่ยังไม่เคยดำน้ำและไม่อยากไปดำด้วยตัวเองก็สามารถแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ได้เลยครับ เค้าจะพาเราเกาะห่วงยาง และลากพาเราไปดำน้ำตื้นตามจุดสวยๆต่างๆครับ

สำหรับผมที่เคยดำน้ำที่นี่เป็นที่แรก ต้องบอกเลยว่าพอใส่แว่นและสวมสน็อกเกิ้ล จังหวะที่ก้มลงไปมองด้านล่างคือตกใจแป้ปนึง เพราะน้ำด้านล่างมันใสมากๆๆ เหมือนภาพ 3D เลย บวกกับมีปลาเล็กปลาน้อยตามแนวปะการัง คล้ายกับที่เราเห็นในสารคดีเลยครับ

กาะที่สาม เรามาที่เกาะหมายเลขเจ็ด หรือ”เกาะปายู” เป็นเกาะที่ได้รับความนิยมทั้งดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก ด้านล่างเป็นกองหินมีความลึก 20-50 เมตร บริเวณนี้น้ำใสมากและปลาก็เยอะกว่าครับ สามารถพบปลานีโม่ได้ที่บริเวณแนวปะการังด้วยนะ

เกาะปายู

ใช้เวลาดำน้ำสักพักใหญ่ๆ หลายคนก็เริ่มจะหิวกันแล้ว เราเดินทางมาที่เกาะที่ 4 หรือเกาะเมียง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยาน บนเกาะนี้ก็จะมีทั้ง ร้านอาหาร ร้านค้า และห้องน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงมีชายหาดสวยๆให้เราสามารถใช้เวลาได้พักใหญ่ๆเลยครับ ใครที่มากับเลิฟอันดามัน เค้าก็มีเซทอาหารกลางวันอร่อยๆแบบนี้ให้ด้วยนะครับ

เกาะเมียง

หลังจากอิ่มท้อง เราก็ข้ามมาอีกฝั่งของเกาะ นั่นก็คือ Honeymoon Beach หรือหาดเล็ก ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของเกาะเมี่ยง โดยมีความยาวของหาดประมาณแค่ 200 เมตรเท่านั้น จุดนี้คือโรแมนติคมากๆ น้ำใสมาก เล่นน้ำได้ และมีหาดทรายที่ขาวสะอาดเหมาะมาเดินเล่นถ่ายรูปเล่นน้ำมาก

Honeymoon Beach

บรรยากาศน้ำใสๆและความคึกคักบนเกาะเมียง

เดินทางกลับมาถึงฝั่งเรียบร้อย โดยมาถึงประมาณ 4.30 น. ครับ หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้ามาถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินกันที่ หาดนางทอง ตั้งอยู่ใกล้กับหาดเขาหลัก

หาดทรายบางส่วนเป็นสีดำซึ่งพบไม่กี่แห่งในโลก ทรายสีดำจริงๆแล้วคือแร่ดีบุก ที่มีอยู่มากในบริเวณนี้ เนื่องจากที่อำเภอตะกั่วป่าเคยเป็นแหล่งแร่ริมชายฝั่งมาก่อน

หาดนางทอง
หาดนางทอง พังงา

ทานมื้อเย็นที่โรงแรม

วันนี้หลังจากตะลอนเหนื่อยกันมาทั้งวัน เรากลับมาชิวๆทานมื้อเย็นกันที่บุฟเฟต์อาหารเย็นของโรงแรมบริษาครับ โดยวันนี้เค้าจัดเป็นบุฟเฟต์ซีฟู๊ด ในราคาท่านละ 590 บาทเน็ตครับ อาหารเย็นน่าทานมากๆเลย ใครที่เน้นอาหารทะเล ก็มีทั้งกุ้ง ทั้งกั้ง และปลาหมึก ส่วนใครที่เป็นสายสุขภาพเค้าก็มีเป็นสลัดหลากหลายแบบครับ

Day 3 

มื้อเช้าที่โรงแรม  > ล่องแพไม้ไผ่ โกมล คอร์เนอร์ > กินผัดไทเจ้าดังก่อนกลับ

เช้านี้ตื่นขึ้นมาทานอาหารเช้าของโรงแรมกันครับ ห้องอาหารเปิดให้บริการ 6.30 – 10.00 น. อาหารเช้าของทางโรงแรมเป็นบุฟเฟต์

breakfast at hotel
briza khaolak

วันนี้แพลนของเราคือการไปล่องแพไม้ไผ่ ที่น้ำตกวังเคียงคู่ ที่ Komol Corner ครับ โดยจากที่พักขับไปประมาณ 5.6 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที

drive to komol corner

เราก็มาถึงจุดล่องแพที่โกมลคอร์เนอร์ (Komol Corner) กันแล้วนะครับ การล่องแพเสียค่าใช้จ่าย 500 บาท เป็นราคาต่อลำครับ โดยแพที่ล่องจะเป็นแพไม้ไผ่นะ ฉะนั้นก้นอาจเปียกได้ และแนะนำว่าให้แต่งตัวมาเป็นกางเกงและเสื้อที่พร้อมเปียกจะดีมากๆ เพราะน้ำบริเวณน้ำตกและธารน้ำตรงนี้คือใสและน่าเล่นมากๆครับ หลังจากชำระเงินและลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เค้าก็จะพาเราขึ้นรถสองแถวเพื่อนั่งต่อไปยังจุดขึ้นเรือบริเวณต้นน้ำกันครับ ซึ่งใช้เวลาแป้ปเดียว ไม่ถึง 10 นาที

komol corner
komol corner

ระยะเวลาการล่องแพทั้งหมดประมาณ 30 นาทีครับ ธารน้ำบริเวณนี้คือใสมากๆ มองเห็นหินและปลาด้านล่างกันเลย

komol corner

สองฝั่งของธารน้ำก็จะเป็นป่าเขียวขจีดีต่อใจแบบนี้เลยครับ ว่าน้ำตกที่เคยไป จ.อื่นๆ คือสวยแล้ว แต่ที่นี่คือสวยที่สุดจริงๆ เพราะน้ำใสและสะอาดมากๆ

ล่องแพไม้ไผ่

หลังจากใช้พลังงานในการล่องแพและเล่นน้ำ วันนี้เรามุ่งต่อไปที่ภูเก็ตกันครับ แต่ก่อนอื่นเติมพลังมื้อเที่ยงกันก่อน ที่ร้านปิ่นมณี เป็นร้านข้างทางตั้งอยู่ระหว่างทางที่จะไปภูเก็ตครับ

ร้านปิ่นมณี พังงา

มองเข้ามาจากภายนอกเป็นบ้านชั้นเดียว แต่หลังบ้านมีพื้นที่ติดน้ำและดัดแปลงเป็นร้านอาหารเล็กๆบรรยากาศธรรมชาติ ส่วนเมนูของที่นี่ก็เรียกว่าถูกปากทุกอย่าง ทั้งผัดไท, หอยทอด, ไปจนถึงหมูสะเต๊ะครับ ส่วนราคาก็ตามนี้เลย ไม่แพงสำหรับเมืองท่องเที่ยวครับ

ผัดไทหอยทอด พังงา

จบแล้วสำหรับทริปพังงา ตลอด 2 คืน ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน แนะนำว่าให้เสิชหาตั๋วเครื่องบินก่อนเป็นอันดับแรกครับ โดยช่วงที่มาแล้วชัวร์ว่าจะไม่มีพายุ คือช่วงปลายของธันวาคมไปจนถึงมีนาคมหรือยืดได้ถึงเมษายนครับ หลังจากจองตั๋วแล้วก็อย่าลืมเช่ารถด้วยนะครับ เพราะหากไม่มีรถส่วนตัวก็จะค่อนข้างลำบากแก่การไปนู่นไปนี่พอสมควร 

ยังไงหากชอบเนื้อหาท่องเที่ยวแบบนี้ ฝากกดติดตามช่อง https://www.youtube.com/@Paibabnee ด้วยนะครับ

VLOG เที่ยวพังงา ล่องเรืออ่าวพังงา ครั้งแรก !!

Similar Posts