{รีวิว} เที่ยว Kamikochi ประเทศญี่ปุ่น ฉบับเที่ยวด้วยตัวเอง
คามิโคจิ (Kamikochi) ที่เที่ยวสวยที่อินฟลูเซเลบหลายๆคนนิยมไป ที่นี่เป็นหุบเขาสวยบนที่ราบสูงภายในเทือกเขาฮิดะ ทอดตัวอยู่ทางตะวันตกของ จ.นากาโนะ (Nagano) ซึ่งต้องบอกเลยว่าสำหรับคนที่มองหาที่ถ่ายรูปสวย อากาศเย็นชื่นใจและมองไปไหนก็สบายตา ที่เที่ยวแห่งนี้ตอบโจทย์ทุกข้อที่พูดมาเลยครับ
ในด้านการเดินทางนั้น เราเช่ารถยนต์ครับ เดินทางจากนาริตะมาถึงที่นี่ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที โดยการเช่ารถยนต์แบบ 6 ที่นั่ง
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาทีครับ ถนนที่ญี่ปุ่นจัดว่าขับง่ายและ GPS ของรถยนต์ก็แม่นยำพอสมควร ขอแค่รักษาความเร็วตามที่ป้ายบอกทางตามจุดต่างๆกำหนด
เมื่อถึงแล้วนำมาจอดไว้ที่ sawando parking ซึ่งเป็นจุดให้บริการที่จอดรถสาธารณะขนาดใหญ่ มีค่าใช้จ่ายนะครับ
จากนั้นนั่งรถบัสต่อเข้าไปลงที่สถานี kamikochi station โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที โดยมีค่าใช้จ่ายไป-กลับอยู่ที่ประมาณ 2400 เยน (เพราะทางอุทยาน ไม่อนุญาติให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามา ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีนี้) โดยจาก sawando parking มี bus stop ใหญ่ สามารถเดินไปจากที่จอดรถถึง bus stop เลย
ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถบัส จะเห็นวิวสองข้างทางที่สุดแสนจะงดงามแบบนี้เกือบตลอดทางเลย
ใช้เวลาประมาณ 35 นาที รถบัสจะมาจอดส่งเราที่สถานีคามิโคจิครับ ซึ่งก็ต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 750 เมตร จึงอยากแนะนำว่าใครที่มาพักแค่คืนเดียว ควรใช้แบ็คแพ็คหรือกระเป๋าใบเล็กที่จุของเท่าที่จำเป็นก็พอครับ เพราะการนำกระเป๋าใบใหญ่ๆมาอาจจะทุลักทุเลพอสมควร
ระหว่างทางเดินไปถึงโรงแรมมีทัศนียภาพที่สวยงามจริงๆ น้ำจากแม่น้ำอะซุสะคือใสมาก
การมาเที่ยวคามิโคจิ เนื่องจากเราอยากเสพบรรยากาศความสวยงามของที่นี่แบบไม่ต้องเร่งรีบจนเกินไป เราเลือกพักที่ Kamikochi Alpen Hotel เป็นโรงแรมสวยตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานเลยครับ ใครที่เน้นมาเสพบรรยากาศของคามิโคจิจริงๆแนะนำให้พักที่นี่ เพราะจะได้ใช้เวลาได้เยอะๆไม่ต้องรีบเกินไป เพราะที่พักตั้งอยู่ไม่ไกลจากสะพานคัปปะด้วย อาหารการกินค่อนข้างสะดวก ราคาต่อคืนรวมอาหารเช้าและอาหารเย็นอยู่ที่ประมาณ 55,000 เยน ซึ่งเราจองมาเป็นแบบพักได้ 3 คนครับ เดี๋ยวจะทำเป็นรีวิวที่พักแยกไว้อีกตอนนึงนะครับ
สะพานคัปปะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญ เปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางของคามิโคจิครับ สองฝั่งของสะพานมีสายน้ำไหลผ่านตลอดและน้ำใสมากๆ นอกจากนี้เบื้องหลังของสะพานก็คือทิวเขาโฮทากะซึ่งเป็นเทือกเขาที่มีขนาดใหญ่โต มีหิมะปกคลุมอยู่ด้านบนยอดเขาด้วย จากที่พักเดินกลับมาสะพานคัปปะแค่ประมาณ 330 เมตรเท่านั้นครับ
จากสะพานคัปปะ หากเดินเลาะแม่น้ำอะซูสะตามเส้นทางมาเรื่อยๆ เดินเท้าประมาณ 3.3 กิโลเมตรเพื่อไปยังสะพานเมียวจิน ระหว่างทางมีทัศนียภาพที่สวยงามมาก ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี แค่ได้ชมธรรมชาติระหว่างทางก็คุ้มค่าที่ได้มาแล้ว
ซีนเนอรี่ระหว่างทางเป็นภาพและฟีลลิ่งที่ยากจะบรรยายออกมา ระหว่างทางมีทั้งความเหนื่อย ความปวดขา และสิ่งที่ได้เห็นมันช่างคุ้มค่าครับ
และแล้วเราก็เดินมาถึงบึงเมียวจิน ตั้งอยู่ในเขตศาลเจ้าโฮทากะชั้นใน ที่บึงจะมีสะพานไม้เล็กๆยื่นลงไปในบึง เป็นอีกหนึ่งจุดที่ใครที่มาเที่ยวคามิโคจิต้องถ่ายรูป โดยเสียค่าเข้าจุดนี้คนละ 300 เยน โชคดีวันที่เรามาตรงกับช่วงวันธรรมดาของเดือนมิถุนายน คนก็เลยไม่เยอะมาก สามารถใช้เวลาถ่ายรูปสวยๆของบึงเมียวจินได้แบบช้าๆสบายๆ
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับบึงเมียวจิน ทุกปีจะมีเทศกาลเรือเพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าและขอให้คนที่เดินทางเดินทางอย่างปลอดภัย นักบวชจะแต่งตัวในชุดพิธีการแบบสมับยุคเฮอัน (794-1185) และขึ้นไปยืนบนเรือซึ่งประดับไปด้วยหัวนกฟีนิกซ์และมังกรที่หัวเรือ
เหนื่อยล้าจากการเดินเท้ามาหลายโล อยากแนะนำว่าใกล้ๆกับบึงเมียวจินมีคาเฟ่น่ารักๆซ่อนตัวอยู่ ชื่อว่า “Cafe do koisyo” เป็นคาเฟ่บรรยากาศดูวินเทจ ในร้านแม้จะไฟสลัวแต่ก็ดูเต็มไปด้วยเรื่องราว ขนมเค้กและกาแฟของทางร้านรสชาติดีมาก แนะนำให้ลองสั่งมาทานดูครับ
ใครที่ยังพอมีแรงอยากแนะนำให้เดินต่อมาที่บึงไทโช โดยจากจุดเริ่มต้นคือจากสะพานคัปปะ มีระยะทางประมาณ 3.3 กิโลเมตร โดยเดินเลาะแม่น้ำอะซุสะมาเรื่อยๆ หรือหากใครที่คิดว่าเดินไม่ไหวสามารถนั่งรถบัสของอุทยานขึ้นที่ kamikoshi station มาลงที่ bus stop ของ taisho pond ได้เช่นกัน
คามิโคจิ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยบรรยากาศดีเหมือนไปยุโรป เหมาะสำหรับคนที่รักธรรมชาติ มาเพื่อสัมผัสอากาศเย็นๆ ชมต้นไม้สวย ป่าเขารวมถึงสายน้ำที่ใสจนเห็นพื้นด้านล่าง ใครที่รักบรรยากาศแบบนี้แนะนำให้นอนค้างที่นี่สักคืนซึ่งผมขอทำรีวิวที่พักแยกไว้ให้ จะมาอัพให้ชมในตอนหน้านะครับ
ฝากอ่านรีวิวที่พักในคามิโคจิด้วยนะครับ